Pages - Menu

Wednesday, July 3, 2013

3 กลุ่มอาชีพ สะท้อนความสำเร็จ การพัฒนาอาชีพ - ทิศทางเกษตร

3 กลุ่มอาชีพ "เครื่องแกงตำมือ ฟาร์มด้วงสาคู ผึ้งโพรงไทย" สะท้อนความสำเร็จ การพัฒนาอาชีพ
กลุ่มพริกแกงบ้านน้ำแคบ ได้ก่อตั้งขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้เวลาว่างของแม่บ้านให้มีการทำอาชีพเสริมร่วมกัน มีการบริหารจัดการอย่างน่าสนใจ และได้ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวบ้านในชุมชน เพราะเครื่องแกงเป็นสินค้าที่ทุกครัวเรือนต้องนำไปใช้ปรุงอาหารกันทุกวัน โอกาสขาดทุนจึงน้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการดำเนินงานทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียทั้งหมด
  


ยินดี นุชพืช เลขานุการ และเหรัญญิกกลุ่มพริกแกง เล่าว่า “ตอนเริ่มต้นก่อตั้งกลุ่มมีสมาชิกสมัครใจเข้าร่วม 13 คน ในแต่ละสัปดาห์จะลงมือทำพริกแกง 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้พริกแกงที่ใหม่สด ผลิตได้สัปดาห์ละประมาณ 120 กิโลกรัม ช่วงเริ่มต้น 1-2 เดือนแรก ทำแล้วขาดทุน จากเงินทุนตั้งต้นของกลุ่ม 3,400 บาท เหลือเงินอยู่พันกว่าบาท หลังจากได้ดูงานของกลุ่มพริกแกงทำมือบ้านเคี่ยมใต้ จ.พังงา ทำให้ได้เรียนรู้เทคนิคการจัดเตรียมวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต และการบรรจุผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม หลังจากนั้นนำมาปรับปรุงการทำงาน ปัจจุบันกลุ่มพริกแกงมีกำไรประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท โดยมีสโลแกนของกลุ่มว่า พริกแกงตำมือบ้านน้ำแคบ “รสเด็ด เผ็ดอร่อย” ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าตีตลาดแตก เพราะใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพดี กรรมวิธีการปรุงสะอาด นอกจากลูกค้าในชุมชนแล้วแต่ละเดือนยังส่งมาขายที่ร้านอาหารในกรุงเทพฯ บางร้านอีกด้วย เพียงแค่นี้ก็ทำให้กิจกรรมของกลุ่มส่งเสริมอาชีพเล็ก ๆ มีแนวโน้มจะเจริญเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน”
  
ส่วน กลุ่มเลี้ยงด้วงสาคู ในตำบลสระแก้วได้เลือกอาชีพเสริมนี้เพื่อหารายได้เสริมในช่วงที่พักจากการ กรีดยางหรือทำสวน โดยทางกลุ่มได้รับการฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ตามหลักเศรษฐกิจพอ เพียง และสามารถดำเนินการเลี้ยงด้วงสาคู และบริหารจัดการฟาร์มและการจัดจำหน่ายได้อย่างเป็นระบบ โดยปัจจุบันมีลูกค้ามารับซื้อเพื่อขายต่อให้กับร้านอาหาร และยังสามารถขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายแม่พันธุ์ได้อีกด้วย
  
นิคม คงทน ประธานศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลสระแก้ว เล่าถึงการเลี้ยงด้วงสาคูว่า “ด้วงสาคูมีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็นชนิดที่กินยอดมะพร้าว แต่ความจริงแล้วตัวที่กินคือด้วงงวง ด้วงสาคูจะเข้าไปวางไข่ที่ยอดมะพร้าวหรือยอดปาล์มที่หลุดลงมาจากต้นแล้วเท่า นั้น ทุกวันนี้ต้นสาคูเหลือน้อยลง จึงต้องมีการเลี้ยงไว้เพื่ออนุรักษ์ และนำมาปรุงเป็นอาหารโปรตีนสูง ทั้งยังขายได้ราคาดีถึงกิโลกรัมละ 250 บาท นับเป็นการสร้างรายได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึ่ง”
  
สำหรับ กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทย มีสมาชิกตั้งต้น 8 คน ที่มีอาชีพทำสวนผลไม้ เห็นว่ามีสถานที่ที่เหมาะสมที่จะเลี้ยงผึ้ง จึงได้รวมกลุ่มกันขึ้นโดยได้ผ่านการอบรม และได้เดินทางไปดูงานที่จังหวัดกระบี่ เพื่อนำความรู้มาปรับปรุงธุรกิจของตนเอง ในปัจจุบันกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทยมีสมาชิกทั้งหมด 21 คน สามารถผลิตน้ำผึ้งคุณภาพดีมาจำหน่ายให้แก่คนในชุมชนได้ นอกจากนั้นยังมียอดสั่งซื้อจากจังหวัดใกล้เคียงในช่วงเทศกาลอยู่เป็นประจำ พร้อมกันนั้นยังสามารถนำไขผึ้งมาขายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอีกด้วย โดยมีจุดเด่นคือเป็นน้ำผึ้ง 100% ไม่มีการเลี้ยงโดยใช้น้ำตาล และยังมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานกันอย่างเข้มงวดก่อนนำออกจำหน่าย
  
พิสณห์ สายทอง ประธานกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทย ให้รายละเอียดเรื่องการควบคุมคุณภาพน้ำผึ้งของกลุ่มว่า เมื่อสมาชิกได้น้ำผึ้งมาแล้ว จะต้องอบไล่ความชื้น จากนั้นนำมาให้ศูนย์ฯ ตรวจวัดความชื้น แล้วแปะสติกเกอร์ที่มีหมายเลขสมาชิกเป็นการรับรองคุณภาพ ป้องกันเรื่องน้ำผึ้งมีปัญหา หากพบน้ำผึ้งไม่ได้คุณภาพจะได้รู้ว่าเป็นของใคร จากการรวมกลุ่มเพื่อตรวจคุณภาพในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ขณะนี้สมาชิกของเราเลี้ยงผึ้งรวมได้ประมาณ 800 รัง
  
ผลผลิตจากการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย นอกจากได้น้ำผึ้งสีอ่อนใสนำไปบริโภคและใช้เป็นส่วนผสมปรุงยาสมุนไพรแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทยยังสนับสนุนเรื่องการออมทรัพย์ให้สมาชิกเพื่อช่วย เหลือในเวลาที่สมาชิกจะต้องทำรังผึ้งใหม่ มีความจำเป็นต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์ ก็สามารถกู้เงินไปใช้ได้ด้วย
  
โครงการนี้ จัดตั้งขึ้นในปี 2554 เพื่อส่งเสริมวินัยการออมทั้งในระดับบุคคลและระดับชุมชน พัฒนาอาชีพเสริม และเรียนรู้การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ผ่านการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชาวบ้านในการจัดตั้งธนาคารพัฒนาหมู่บ้าน การตั้งกลุ่มธุรกิจแบบการลงหุ้น และการให้ความรู้ด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการบริหาร การเงิน และการพัฒนาทักษะอื่น ๆ จากวันแรกถึงปัจจุบัน ดำเนินมาเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว โดยมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องราว 100 กิจกรรมต่อปี ในพื้นที่ 50 หมู่บ้าน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านแล้ว 49 ธนาคาร ใน 49 หมู่บ้าน มีสมาชิกทั้งหมดกว่า 6,000 คน โดยมียอดกองทุนเงินออมทั้งหมดกว่า 19 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของโครงการในการส่งเสริมการออมและส่งเสริมความเข้ม แข็งให้กับชุมชนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี.

No comments:

Post a Comment