เกษตรกร
ใน จ.สงขลา เพาะเลี้ยงด้วงสาคูในกะละมัง จนประสบความสำเร็จ
ตัวด้วงอ้วนพีส่งขายกิโลกรัมละ 250 บาท
สามารถสร้างรายได้เสริมนอกเหนือจากการกรีดยางพารา เดือนละกว่า 5 หมื่นบาท
|
นายสังวร มะลิวรรณ อายุ 48 ปี และนางสุนันท์ มะลิวรรณ 2 สามีภรรยา
ชาวหูแร่ หมู่ 3 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
หันมาเพาะเลี้ยงด้วงสาคูในกะละมัง เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้
นอกเหนือจากอาชีพหลักที่กรีดยางพารา จนประสบความสำเร็จมีรายได้ต่อเดือนกว่า
50,000 บาท โดยสร้างโรงเรือนเพาะเลี้ยงในบริเวณบ้าน
และขยายการเลี้ยงตลอดช่วง 3 ปี จนถึงขณะนี้เพิ่มเป็น 500 กะละมัง
สามารถเลี้ยงด้วงสาคูออกจำหน่ายได้สูงสุด 200 กิโลกรัมต่อเดือน
ขายได้กิโลกรัมละ 250 บาท
และเป็นที่ต้องการของตลาดแต่ละรุ่นที่ออกมาไม่พอขาย
และกำลังขยายการเพาะเลี้ยงเพิ่มขึ้น
|
สำหรับวิธีการการเลี้ยงด้วงสาคูในกะละมังของ นายสังวร
เริ่มจากการเพาะเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ หรือที่ชาวใต้เรียกว่า “แมงหวัง”
ก่อน โดยเลี้ยงไว้ในต้นสาคูที่ตัดเป็นท่อนความยาวประมาณครึ่งเมตร
โดยใช้ขุยมะพร้าวละเอียดมาวางไว้ด้านบนเพื่อเป็นที่อาศัย
จากนั้นก็จะไข่ตัวอ่อนออกมาปล่อยไว้ 55 วันก็จะฟักตัวเป็นดักแด้ และอีก 15
วันก็จะกลับมากลายเป็นตัวแมงหวัง หรือพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อีกครั้ง
พร้อมที่จะนำไปเลี้ยงต่อในกะละมังให้เป็นตัวด้วงเพื่อส่งขาย
|
ส่วนขั้นตอนของการเลี้ยงในกะละมัง
จะใช้ต้นสาคูมาบดผสมกับอาหารสุกรโต 1 จานผสมน้ำคลุกเคล้าให้เข้ากัน
และนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ใส่ลงไปกะละมังละ 10 ตัวใช้เปลือกสาคูวางทับไว้
เพื่อเป็นที่อาศัยของพ่อแม่พันธุ์ และนำฝามาปิดกะละมังไว้
พ่อแม่พันธุ์ก็จะเริ่มวางไข่ ทิ้งไว้ 1 เดือนก็สามารถจับขายได้
โดยแต่ละกะละมัง จะได้ตัวด้วงประมาณ 1 กิโลกรัม
แต่จะต้องคอยดูแลให้มีความชื้นสม่ำเสมอ
ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ด้วงโตเร็ว รสชาติหวานมัน
และมีโปรตีนสูงเป็นที่ต้องการของตลาด โดยจะมีลูกค้ามาซื้อถึงที่บ้าน
และนำออกไปขายตามตลาด
|
ซึ่งการเลี้ยงด้วงเป็นอาชีพใหม่ที่น่าสนใจ
เกษตรกรทั่วไปสามารถนำไปสร้างเป็นอาชีพเสริมได้เพราะตลาดยังต้องการสูง
ที่สำคัญกากสาคูที่เหลือจากการเลี้ยงด้วงก็ยังนำไปเป็นปุ๋ยได้ด้วย นายสังวร
บอกว่าพร้อมที่จะถ่ายทอดเทคนิคการเลี้ยงด้วงในกะละมังให้แก่ผู้ที่สนใจ
โดยติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-0035-0204 หรือมาเรียนรู้ได้ที่บ้านพัก
|
|
|
|
|
No comments:
Post a Comment